ในโลกของ Wall Street หรือ Silicon Valley คำว่า “รายได้ที่มีคุณภาพสูง” (high-quality revenue) ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากกว่าเรื่องของเสื้อกั๊ก(vests)และรองเท้ายี่ห้อ Allbirds เสียอีก
“รายได้ที่มีคุณภาพสูง” อาจมีความหมายเฉพาะสำหรับแต่ละคนแต่เกือบทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า “รายได้ที่มีคุณภาพสูง” นั้นหมายถึงรายได้ที่ต้องสามารถคาดการณ์ได้ ทํากําไรได้ และมาจากหลากหลายแหล่ง แต่มีหนึ่งสิ่งที่ไม่ค่อยมีการหยิบยกมาพูดคุยกัน คือ คุณภาพคือตัวขับเคลื่อนรายได้ ไม่เชื่อคุณลองค้นหาคำนี้บน Google ก็ได้ คุณน่าจะพบผลจากการค้นหาเกี่ยวกับ “รายได้ที่มีคุณภาพสูง” คือบทความนี้ (หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!) หรือโฆษณาที่มีหัวข้อเกี่ยวกับระบบการจัดการคุณภาพ เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ “รายได้ที่มีคุณภาพสูง”
รายได้ที่มีคุณภาพสูง มีความสําคัญอย่างมากจนมักจะเห็นเป็นเรื่องลำดับต้น ๆ ในหมวดรายการการลงทุนของบริษัท และอีกเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน คือ เรื่องการลดต้นทุน แต่นานๆครั้งเราจะได้ยินว่าองค์กรต่างๆ “ลงทุน” เพื่อประหยัดต้นทุน เว้นแต่ว่าจะได้รับผลตอบแทนนั้นกลับมาในทันที
นักปฏิบัติงานด้านคุณภาพจะได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องการลดต้นทุนและควบคุมต้นทุน แล้วในความเป็นจริงเรามักเชื่อมโยงเรื่องคุณภาพไว้กับเรื่องต้นทุน จนกระทั่งมีการนิยามไว้ว่าทรัพยากรที่ป้องกันคุณภาพต่ำว่า คือ ต้นทุนของคุณภาพ(cost of quality) เพื่อให้เกิดความคิดริเริ่มต่างๆในด้านคุณภาพในงานของคุณ คุณต้องลงทุนทั้งในด้านบุคคลากรและเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะนำเสนอประเด็นคุณภาพในฐานะตัวขับเคลื่อนรายได้ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อเพิ่มการลงทุนที่จําเป็นในหนึ่งพื้นที่ที่สําคัญที่สุดขององค์กร แต่เพื่อเป็นการยกระดับส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดขององค์กร ต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการกันว่าจะทำได้อย่างไร
คุณภาพเป็นตัวร่นระยะเวลาในการออกวางจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งจะเป็นตัวเพิ่มรายได้
เกือบทุกคนเห็นพ้องกันว่าการนําผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นเป็นสิ่งที่ดี มันไม่เพียงแต่เพิ่มรายได้และส่วนแบ่งการตลาดให้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรนําหน้าหรือก้าวทันการแข่งขันอีกด้วย
แล้วคุณภาพจะร่นระยะเวลาการออกวางจำหน่ายในท้องตลาดได้อย่างไร?
1.การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เร็วขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยการใช้การออกแบบการทดลอง (DOE) ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) ความน่าเชื่อถือ (reliability) หรือ วิศวกรรมคุณภาพ (quality engineering) การออกแบบการทดลองเป็นเครื่องมือที่จะให้แนวทางที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสำหรับใช้ค้นหาวิธีการออกแบบและการปรับค่าพารามิเตอร์ผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม(DOEs provide a systematic and efficient approach) ซึ่งจะทำให้คุณลดเวลาในการออกแบบผลิตภัณฑ์ลงได้อย่างมาก และช่วยให้นําผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งรับประกันคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด แม้การทำ DOE นั้นมีความยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่เมื่อนำการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์มาร่วมด้วยอาจจะช่วยทำให้การทำ DOE ของคุณนั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น(predictive analytics can be a perfect partner to help you run your DOE)
ดูวิธีการใช้การออกแบบการทดลองของ Minitab สำหรับระบบเบรคการสร้างพลังงานคืนกลับ (Generative Braking) ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
2.ใช้แนวทางการออกแบบเพื่อการผลิต (Design for Manufacturability – DFM) เพื่อลดอุปสรรคในการผลิต DFM เป็นวิธีการเชิงรุกที่เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความง่ายในการผลิต โดยพิจารณาถึงข้อจํากัดและขีดความสามารถในการผลิตในระหว่างการทำการออกแบบผลิตภัณฑ์ DFM จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิต ลดต้นทุน และลดระยะเวลารอคอยสินค้า (lead times) ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ลดระยะเวลาในการออกสู่ตลาดได้ในที่สุด
3.ใช้การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบ (Failure Mode and Effects Analysis (FMEA)) เพื่อระบุโอกาสที่จะล้มเหลวในการนําผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด FMEA เป็นวิธีการที่เป็นระบบใช้เพื่อระบุและจัดลําดับความสําคัญของรูปแบบความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการ และประเมินผลกระทบต่อคุณภาพ สมรรถนะ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยการแก้ไขปัญหารูปแบบความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นเชิงรุกและใช้มาตรการป้องกัน FMEA ยังช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความน่าเชื่อถือ และเร่งรอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แม้ว่า FMEA จะเป็นที่นิยมในการออกแบบผลิตภัณฑ์และประเมินกระบวนการ แต่มันสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวางแผนการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อลดความเสี่ยงและช่วยนําผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
4.การควบคุมกระบวนการทางสถิติ (Statistical Process Control (SPC)) สามารถตรวจจับปัญหาด้านคุณภาพได้ตั้งแต่เนิ่นๆ การใช้เทคนิค SPC ช่วยให้สามารถติดตามกระบวนการผลิตขณะที่ทำงานทันที (monitoring of manufacturing processes in real-time) หรือ ตามช่วงเวลาที่คุณต้องการได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของกระบวนการและตรวจจับความผันแปรหรือความเบี่ยงเบนจากข้อกําหนดที่ต้องการตั้งแต่เนิ่นๆของ SPC ทำให้สามารถดําเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที สิ่งนี้จะช่วยป้องกันการผลิตชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง ลดความจําเป็นในการทํางานซ้ำหรือของเสีย และหลีกเลี่ยงความล่าช้าในกระบวนการผลิต
5.การควบคุมกระบวนการทางสถิติ (SPC) ยังสามารถลดเวลาในการทดสอบและตรวจสอบ SPC ยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถกําหนดขีดจํากัดการควบคุมกระบวนการและความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ โดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติกับข้อมูลของกระบวนการ ทำให้สามารถลดกิจกรรมการทดสอบและการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อน เนื่องจากความเสถียรและความสามารถของกระบวนการจะได้รับการติดตามและรักษาไว้ให้อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้อย่างต่อเนื่อง โดยการลดการทดสอบและการตรวจสอบที่ไม่จําเป็น SPC ช่วยทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดระยะเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่าย
การลงทุนในคุณภาพเป็นสิ่งที่สมควรทำ ดังนั้นการสนับสนุนส่วนของรายได้และต้นทุนจะทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อองค์กร
แม้แต่ในองค์กรที่ตระหนักถึงประโยชน์ที่สําคัญที่ฝ่ายคุณภาพมอบให้พวกเขา แต่พวกเขามักมองว่าฝ่ายคุณภาพไม่ใช่ตัวขับเคลื่อนรายได้ที่สำคัญแต่เป็นเพียงแหล่งช่วยประหยัดต้นทุนเท่านั้น ถ้าเรามองเห็นว่าการลงทุนในคุณภาพสามารถช่วยนําผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นได้อย่างไร ทีมงานคุณภาพจะได้รับทรัพยากรที่จําเป็นและจะทำให้เกิดผลกระทบที่มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ได้ขึ้นอีก
พร้อมที่จะทำให้แผนริเริ่มด้านคุณภาพของคุณเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของรายได้หรือยัง?
บทความต้นฉบับ : Isn’t it “Time to Market” Quality as a Revenue Driver?
ต้นฉบับนำมาจาก Minitab blog, แปลและเรียบเรียงโดยสุวดี นำพาเจริญ,
บริหารจัดการ SCM Blog โดยชลทิชา จำรัสพร บริษัท โซลูชั่น เซ็นเตอร์ จํากัด ตัวแทน Minitab ในประเทศไทย
เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Minitab
Minitab ช่วยให้บริษัทและองค์กรต่างๆ สามารถมองเห็นแนวโน้มของข้อมูล, แก้ปัญหาและค้นพบประเด็นสำคัญจากข้อมูลเชิงลึก โดยนำเสนอชุดโซลูชั่นที่ครอบคลุมทุกด้านและดีที่สุดสำหรับซอฟต์แวร์ในระดับเดียวกัน ที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการ
ด้วยวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอซอฟต์แวร์และบริการแบบองค์รวม Minitab ช่วยให้องค์กรเข้าถึงกระบวนการตัดสินใจในส่วนที่ช่วยผลักดันให้เกิดความเป็นเลิศทางธุรกิจได้ดีขึ้น ความง่ายในการใช้งานที่โดดเด่นกว่าใครมีส่วนช่วยให้ Minitab สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเป็นเรื่องที่ง่าย ทีมงานของ Minitab ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างเข้มงวด จะช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานวิเคราะห์ข้อมูลและพร้อมที่จะให้คำปรึกษาตลอดเวลาที่ใช้งานเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้น รวดเร็ว และแม่นยำ
เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ Minitab ได้ช่วยองค์การต่าง ๆ เพิ่มรายได้ ควบคุมและลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ เสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพ ธุรกิจและองค์นับหมื่นทั่วโลกใช้ Minitab Statistical Software®, Companion by Minitab®, Minitab Workspace®, Salford Predictive Modeler® and Quality Trainer® เป็นเครื่องมือช่วยในการค้นพบและปรับปรุงความบกพร่องในกระบวนการ